เมื่อหมวยยากูซ่าอยากเป็นแม่บ้านป้ายแดงฮะ (ขออภัย...มือใหม่สุดๆ)
ด้วยความที่อยากเป็นแม่ศรีบ้านศรีเรือนกะเค้าบ้าง อ่านดีๆนะ ไม่ใช่ผีบ้านผีเรือน!!! และเรามั่นใจว่าร้อยละ 99.99 ของผู้ที่หัดทำเบเกอร์รี่ครั้งแรกเฉกเช่นเราจะเริ่มจากการทำ Blueberry Cheese Pie เป็นอันดับต้นๆ เพราะอะไรนะเหรอฮะ
1.อุปกรณ์ไม่เยอะครับ (ไม่ต้องลงทุนซื้ออะไรเลย)
2.ส่วนผสมก็ง่ายครับ (กะๆเอาไม่ต้องตวงไรให้วุ่นวายมากมาย)
3.พอทำเสร็จแล้วหน้าตามันงดงามแลดูเป็นมืออาชีพฮะ (อันนี้คิดเอาเองสุดๆ)
มาดูส่วนผสม + อุปกรณ์เล็กน้อยกันครับ (เรียงลำดับจากซ้ายไปขวา)
1.นมข้นหวาน (ไม่ได้ต้องการเซ็นเซอร์แบรนด์นะจ๊ะ แต่ว่าที่บ้านมีอยู่แล้วอ่ะ)
2.ครีมฟิลาเดเฟียของคราฟท์ (แค่ชื่อส่วนผสมเบเกอร์รี่เราก็ดูไฮโซแล้วอ่ะ) บอกตามตรงพึ่งเคยได้ยินชื่ออันนี้เป็นครั้งแรกเลยนะ 250 กรัม ราคา 165 บาท บร๊ะเจ้า!!! แอบแพงนะนั่น
3.ทอปปิ้งบลูเบอร์รี่ของสตีมไลน์ ในเนทให้ใช้ของ wilderness แต่ไปดูที่ร้านแล้วมันไม่มีเลยหยิบๆมาก่อน คิดว่าได้เหมือนกันมั้ง กล่องเท่าขวดนม ราคา 135 บาท (ปาเข้าไป 300 แล้วครับ)
4.โรซี่แครกเกอร์ของอิมพิเรียล ราคาย่อมเยาว์ 9.50 บาท
5.มะนาว ราคาเท่าไรไม่รู้อยู่ในตู้เย็นอ่ะ
6.เนยชนิดเค็ม ราคาก็ไม่รู้อีกเช่นกันเห็นอยู่ในตู้เย็น (อีกแล้ว)
สรุปคร่าวๆก็เกือบ 400 บาทนะ (ถ้าซื้อใหม่ เริ่มใหม่ทั้งหมดอ่ะ)
ขั้นตอนการทำ
อันดับแรก บดแครกเกอร์ให้ละเอียดและเอาไปผสมกับเนยที่ละลายแล้ว (อันนี้อยากเล่าแบบผ่านๆไปมาก คือมันจะกลายเป็นครัวกากๆของเซฟหมีไปนะสิ) ด้วยความที่ไม่มีลูกกลิ้งหรืออุปกรณ์ในการบดทุกชนิดฮะ เลยอาศัยอุปกรณ์แบบตามมีตามเกิด แต่ไม่ถึงขนาดเอารองเท้าแตะมาฟาดๆ กะแครกเกอร์หรอกนะ (นั่นมันสถุลไปครับ) เราแค่ใช้ครกและสากตำๆมันก็เท่านั้น เป็นศิลปะแบบไทยประยุกต์โดยแท้จริง (มาคิดเอาได้ในภายหลังว่าแค่ใช้มือบี้ๆ บีบๆมันก็แหลกแล้ว จะเพิ่มอุปกรณ์เข้าไปเพื่อ...???)
และการละลายเนยที่เชื่อว่าเป็นสูตรเฉพาะของหมวยยากูซ่าแต่เพียงผู้เดียว
คือการเอาไปตั้งไว้ที่คอมเพรทเซอร์แอร์ฮะ ให้ไอร้อนจากพัดลมมันค่อยๆละลายชั้นไขมันของก้อนเนยที่ละชั้น..ทีละชั้น (แว๊บแรกที่คิดได้จะใช้ไดร์ทเป่าผมฮะ ถ้าไม่ติดว่ามันเสียงดัง และกลัวว่าป๊ากะม้าจะลุกขึ้นมาด่า "จะขยันทำขนมอะไรเอาตอนตี 1" ดังนั้นเลยแอบมองดูการละลายของเนยแบบเงียบๆต่อไป)
มาคิดได้เอาตอนหลังอีกแล้วครับว่า
"ทำไมไม่เอาเนยไปละลายในน้ำร้อนฟร่ะ"
ขั้นตอนต่อไป เอาเจ้าฟิลาเดเฟีย (ให้ตายเหอะชอบชื่อนี้จริงๆเลยครับ ถ้ามีลูกให้ชื่อนี้เลยดีกว่าแลดูเป็นชาวต่างชาติแบบมีสกุล แล้วเรียกสั้นๆให้กระชับว่า "น้องเนย"....เกร๋ซะ) มาผสมกับนมข้นหวานและตัดความหวานด้วยมะนาว ส่วนผสมเท่าไรนั้นไม่รู้ครับ เพราะอ่านมาแล้วดันจำไม่ได้ เจ้าของกระทู้แนะนำว่า ปรุงแต่งตามใจชอบ
"ปรุงแต่งตามใจชอบ!!!...เอ่อ..โทษนะ ใครเห็นคนอร์กับรสดีบ้าง"
ตีเนียนจนคิดว่ามันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแบบสมานฉันท์และปรองดองกันดี แอบชิมเป็นระยะๆเพื่อให้แน่ใจว่า ไม่ผิดสูตรจากที่เคยชิมตามท้องตลาด รสชาติมันก็อร่อยด้วยตัวของมันเองอยู่แล้วนะ อันที่จริงไม่เห็นต้องไปปรุงอะไรให้มันวุ่นวาย
แอบมาคิดได้เอาในภายหลังว่า
"ทำไมไม่ราดด้วยโยเกิร์ตไปเลยฟร่ะ รสชาติใกล้เคียงกันมากอ่ะ"
ด้วยความที่มือใหม่สุดๆ อย่าว่าแต่ทำขนมเบเกอร์รี่เลยนะ อาหารคาวง่ายๆเช่น "ไข่เจียว" ยังทำไม่เป็นเลยครับ พอรู้ว่าจะทำ Blueberry Cheese Pie ก็ซื้อมาแค่ส่วนผสมจริงๆ ลืมนึกถึงภาชนะในการใส่ไปได้เสียนี่ แก้ว ชาม ถ้วยสารพัด ใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการควานหามาแก้ขัดไปก่อน
สุดท้าย ราดด้วยมิกซ์เบอร์รี่ ที่น่าจะเป็นสีม่วงมากกว่าสีแดง และแอบเคืองเจ้าทอปปิ้งแสนแพงตัวนี้ด้วย ก็ข้างกล่องโฆษณาซะแบบบลูเบอร์รี่แม่งเป็นลูกๆเลยอ่ะ แต่ทำไมพอแกะมาราดที่แครกเกอร์แล้วกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยแบบนี้ ถ้ามองไกลๆคนอาจจะคิดได้ว่าราดด้วยซอสถั่วแดง!!!!!
ครั้งหน้าคงต้องซื้อแบบสดมาประดับประดา ให้แลดูสวยงามกว่านี้ซักหน่อย แอบลืมพวกผักชีโรยหน้าที่คิดเอาไว้ว่ามันจะช่วยให้ Blueberry Cheese Pie ดูสวยงามกว่านี้ สะระแหน่แบบในรูปตามอินเตอร์เนตก็ไม่มี เลยคิดว่าเอาอะไรที่มันดูดอกๆใส่ไปแล้วกัน เป็นพร๊อบที่แอบเหมือนว่าตั้งใจ ส่วนรสชาติจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องถามเพื่อนร่วมงาน (เพราะเจ้าของกระทู้สารภาพตามตรงว่า "ไม่กล้ากินครับ")
การทำเบเกอร์รี่ครั้งนี้ ใช้เวลานานกว่าชาวบ้านทั่วไปหลายชั่วโมงทีเดียว ทั้งละเมียดในการทำขนม บวกกับจัดองค์ประกอบศิลป์ถ่ายภาพประกอบ และมาขัดเกลาถ้อยคำลำดับขั้นตอนในบล๊อกอีก (มรึงจะเยอะไปมั้ยอีหมวย!!!) คนอื่นเค้าเวลาทำประมาณ 1 ชั่วโมง นี่ล่อไปตั้งกี่ชั่วโมงกว่าแล้ว (ณ ขณะที่พิมพ์อยู่นี้คือเวลาตี 4 ... อีบ้า...ตั้งใจยิ่งกว่าการเสนอหัวข้อทีสิสอีกนะนั่น)
สุดท้าย แอบคิดเอาว่าราคาที่ซื้อส่วนผสมไป 400 กว่าบาทนั้น กับการทำ Blueberry Cheese Pie ได้แค่ 4 แก้วกาแฟ ซึ่งตกแล้วแก้วละ 100 บาท (ไปซื้อเค้ากินดีกว่ามั้ยฮะ...โครตจะไม่คุ้มเอาซะเลย...ซากอ้อย) แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน นี่เป็นจุดเล็กๆที่ยิ่งใหญ่มากเลยนะฮะ กับการเริ่มต้นที่ดี
ขอบคุณ.....พี่นุ่น / พี่อุ๊ ที่เสมือนเป็นไอดอลในการทำขนมครั้งนี้
ขอบคุณ.....อากู๋ Google สำหรับสูตรทำขนมชนิดมั่วๆออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้
ขอบคุณ.....ป๊ากะม้า ที่ไม่ลุกขึ้นมาด่ากลางดึก
และ
ขอบคุณ.....เพื่อนร่วมงานทุกคนที่กล้าชิมเบเกอร์รี่จากหมวยยากูซ่าคนนี้ 555
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กลับเข้าสู่บ้าน Cartolina*
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น